Thursday, September 8, 2011

จ่ายน้ำท่วมใน30วัน

ปูยันถึงมือแน่ กทม.ปริ่มแล้ว



บัญชาการ - น.ส.ยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกฯและรมว.มหาดไทย และรมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมชาวบ้านและหาทางแก้ปัญหาน้ำท่วม ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เมื่อวันที่ 7 ก.ย.
นายกฯ ยกคณะลุยตรวจน้ำท่วมชัยนาท อ่างทอง อยุธยา สั่งเพิ่มช่องทางระบายน้ำให้มากขึ้น แต่ต้องกระทบชาวบ้านน้อยที่สุด ควบคู่ชดเชยเยียวยา ย้ำครอบครัวละ 5,000 บาท พื้นที่การ เกษตรเสียหาย ไร่ละ 2,222 บาท ยันงบฯ ไม่เป็นอุปสรรค จ่ายรวดเร็วภายใน 30 วัน เล็งแผนระยะยาวแก้ จุดไหนท่วมซ้ำซาก จะปล่อยให้เป็นที่รับน้ำ แล้วหาพื้นที่ใหม่ทดแทนให้ชาวบ้าน มท.รายงานยังประสบภัย 12 จังหวัด เสียชีวิต 69 ราย น้ำเจ้าพระยาเพิ่มไม่หยุด กทม.สั่งพร้อม 24 ช.ม. ใกล้ถึงจุดรับน้ำได้เต็มที่แล้ว ที่สุพรรณฯ ลามถึงกลางเมือง 500 หลังคาเรือน กรุงเก่าทะลักจมโรงเรียน ผักไห่เกือบท่วมถึงชั้น 2 ส่วนอ่างทองจมหนัก 5 อำเภอ สิงห์บุรีขยายวงกว้าง น้ำล้นประตูระบายแล้ว

เมื่อ เวลา 12.30 น. วันที่ 7 ก.ย. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาด ไทย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ซึ่ง จ.ชัยนาท ประสบอุทกภัย 5 อำเภอ

นายกฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนมีหัวใจเดียว กัน คือต้องการปกป้องและช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด ทำให้น้ำลดลงโดยเร็ว มีความเป็นห่วงค่อนข้างมาก และเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้แม้เราจะเร่งระบายน้ำ แต่หากมีปริมาณฝนตกลงมา ก็เท่ากับเพิ่มปริมาณน้ำที่ท่วมขังอยู่ จึงจำเป็นต้องเร่งและหาช่องทางระบายน้ำให้มากขึ้น โดยขอให้กรมชลประทานเฝ้าระมัดระวังปริมาณน้ำ และควบคุมการปล่อยน้ำ เพื่อให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด ขอให้ ผวจ.ช่วยดูแลเรื่องการเยียวยา

น.ส.ยิ่ง ลักษณ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ขอให้ร่วมมือกันหาพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติ เตรียมขุดลอกคูคลองไว้รองรับน้ำ เพื่อบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง และกทม. เพราะเชื่อว่าจะมีน้ำมากขึ้นกว่านี้แน่ ส่วนภาคอีสานและภาคเหนือที่ยังมีน้ำท่วมอยู่ ต้องพยายามหาที่รับน้ำ เพื่อให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด ขอให้ทุกจังหวัดปฏิบัติตามแนวทางนี้และขอความร่วมมือจากกองทัพให้ทำงานร่วม กับผวจ. ช่วยเหลือประชาชนทั้งในจังหวัดที่มีน้ำท่วมขัง และยังไม่มีน้ำท่วม

ต่อ มาเวลา 14.30 น. นายกฯ และคณะเดินทางมายังวัดคงคาราม ต.โพนางดำตก อ.สรรพยา เยี่ยมผู้ประสบภัย พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพ เรือ สุขาเคลื่อนที่ สุขาลอยน้ำ และโถส้วม โดยนายกฯ กล่าวว่า การทำงานจากส่วนกลางทุกหน่วยงานขณะนี้ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ เพื่อเร่งช่วยเหลือป้องกันไม่ให้ปริมาณน้ำสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนไป มากกว่านี้ หรือมีผลกระทบน้อยที่สุด รัฐบาลจะดูแลเยียวยาให้ครอบครัวละ 5,000 บาท และกำลังเร่งพิจารณา เพื่อตัดจ่ายเงินช่วยเหลือให้ได้ภายใน 30 วัน

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ขณะนี้แบ่งการแก้ไขปัญหาออกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของพื้นที่ที่กำลังจะถูกน้ำไหลลงมา ก็จะทำคันกั้นน้ำ ขุดลอกคูคลองเพิ่มที่ระบายน้ำ และรองรับน้ำ สำหรับพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังอยู่นั้นจะต้องไปดูในรายละเอียดของพื้นที่ ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ขณะที่การเยียวยาก็จะดูแลอย่างใกล้ชิด และให้เกิดผลอย่างรวดเร็ว ทั้งการดูแลรายครัวเรือน ครัวเรือนละ 5,000 บาท และพืชเกษตรกรรม พร้อมทั้งสั่งการให้ ผวจ.ประสานกับทางกระทรวงแรงงาน ให้หาอาชีพเสริมให้ประชาชนที่ไม่สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้ในช่วงนี้

ผู้ สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้ใช่หรือไม่ว่าพื้นที่ใดที่มีน้ำท่วมขังซ้ำซากจะจัดให้เป็นพื้นที่ รองรับน้ำ แล้วหาพื้นที่ใหม่ทดแทนให้ชาวบ้าน นายกฯ กล่าวว่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจพื้นที่อยู่ หากพื้นที่ใดเป็นพื้นที่รับน้ำคงต้องหาที่อยู่ใหม่ให้ประชาชน แต่หากมีบ้านจำนวนมาก ก็อาจหาวิธีสร้างแนวป้องกันน้ำ โดยประสานกระทรวงกลาโหม หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ร่วมทำงานกับ ผวจ.ลงสำรวจพื้นที่เป็นรายจังหวัด

ต่อข้อถามว่ามีจังหวัดไหนที่ของบ ประมาณเพิ่มเติมบ้าง จากงบฯ ที่มีอยู่ 50 ล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า มีของบฯ เพิ่มเติมบ้าง แต่เรื่องงบฯ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ไม่จำเป็นต้องขยายวงเงิน เพราะขบวนการการอนุมัติงบฯ เพิ่มเติมทำได้รวดเร็วอยู่แล้ว แต่ขอดูที่ความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ ความจริงปัญหาระดับน้ำในปีนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสูงกว่าที่ผ่านๆ มา แต่ปัญหาภูมิศาสตร์ของประเทศเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้มาก เพราะการระบายน้ำออกจากพื้นที่หนึ่งก็จะไปสร้างผลกระทบกับอีกพื้นที่หนึ่ง โจทย์วันนี้คือพยายามป้องกันพื้นที่ไม่ให้น้ำท่วมเข้าถึง และไม่ลืมที่จะดูแลประชาชนในเขตที่มีน้ำท่วมขัง

ต่อมาเวลา 16.30 น. นายกฯ เดินทางยัง อบต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เยี่ยมเยียน ผู้ประสบภัย และให้กำลังใจชาวบ้านที่ช่วย กันสร้างสะพานเชื่อมหมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วม พร้อม ทั้งมอบถุงยังชีพ เรือ สุขาเคลื่อนที่ สุขาลอยน้ำ โถส้วม และอุปกรณ์สำหรับสร้างทางเดินชั่วคราว

จากนั้นเวลา 18.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดิน ทางมายังศาลาประชาคม อ.เสนา จ.พระนครศรี อยุธยา พร้อมทั้งกล่าวขณะเยี่ยมชาวบ้านว่า อยากให้ทุกคนที่ประสบปัญหาเดือดร้อนไว้วาง ใจได้ เพราะรัฐบาลและหน่วยงานรัฐทุกหน่วยเร่งทำงานเชิงบูรณาการให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการช่วยภาคครัวเรือน ครัวเรือนละ 5,000 บาท และชดเชยพื้นที่เกษตรกร จากเดิมไร่ละ 600 บาท เพิ่มเป็น 2,222 บาทต่อไร่ การให้ความช่วยเหลือครั้งนี้ รัฐบาลจะไม่รอให้น้ำลด พื้นที่ใดสำรวจและสรุปเสร็จรัฐบาลพร้อมจ่ายให้ทันที ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางต่อไปยังชุมชนหัวแหลม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อ.พระนครศรีอยุธยา

วัน เดียวกัน นายภานุ แย้มศรี ผอ.ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถาน การณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) รายงานว่า ยังคงมีอุทกภัยใน 12 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย, พิจิตร, พิษณุโลก, นครสวรรค์, พระ นครศรีอยุธยา, อ่างทอง, ชัยนาท, อุบลราชธานี, สิงห์บุรี, นครปฐม, สุพรรณบุรี และนนทบุรี มีผู้เสียชีวิต 69 ราย ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างมีปริมาณน้ำมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากน้ำเหนือเพิ่มมากขึ้น สูงขึ้นวันละ 10-15 ซ.ม. ต่อเนื่องไปจนถึงกลางเดือนก.ย. ขอเตือนประชา ชนริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมา บริเวณ จ.ชัยนาท, จ.สิงห์ บุรี, จ.อ่างทอง, จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.นนทบุรี เตรียมป้องกันภาวะน้ำล้นตลิ่ง เสริมแนวคันกั้นน้ำ พร้อมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง

ด้านนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การดูแลรักษาโรคทางกายและดูแล จิตใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่องทุกวัน วันละ 100-120 ทีม พบผู้ป่วยวันละ 1,000 ราย ร้อยละ 80 เป็นโรคน้ำกัดเท้า ยอดผู้ป่วยสะสมตลอดกว่า 1 เดือน รวม 79,328 ราย นอกจากนี้ ยังพบผู้ประสบภัยมีความเครียดสูง 531 ราย มีภาวะซึมเศร้า 1,380 ราย เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 190 ราย นอกจากจะให้เจ้าหน้าที่ออกติดตามเยี่ยมให้กำลังใจอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีบริการสายด่วน 1323 จำนวน 32 คู่สาย ให้บริการปรึกษาปัญหาทางจิตใจแก่ผู้ประสบภัยทุกจังหวัด โทร.ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลเปิดบัญชี "กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณ ภัย สำนักนายกรัฐมนตรี" เป็นบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 067-0068950 โดยผู้บริจาคที่จะโอนเงินเข้าบัญชีกรุณานำใบนำฝากที่ได้รับจากธนาคาร พร้อมทั้งระบุชื่อ สกุล ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ส่งโทรสารให้กองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ หมายเลข 0-2282-5296 เพื่อจะออกใบเสร็จรับเงิน และผู้บริจาคสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้ต่อไป หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลข 0-2282-4130

ที่ศาลาว่าการกทม. นายสัญญา ชีนิมิตร ผอ.สำนักการระบายน้ำ กทม. กล่าวว่า ระดับน้ำขึ้นสูงสุดวัดได้เมื่อคืนวันที่ 7 ก.ย. ที่ปากคลองตลาดอยู่ที่ 1.42 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง กทม. สามารถรับปริมาณน้ำได้ 2,500-3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำดังกล่าวถือว่ามีจำนวนมากแล้ว ดังนั้น กทม.ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากปริมาณใกล้จะเต็มศักยภาพที่ กทม.รองรับได้แล้ว กทม.ยังต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงกลางคืน เนื่องจากช่วงนี้มีปริมาณฝนตกมาก

ส่วนสถานการณ์ในจังหวัดต่างๆ นั้น ที่ จ.สุพรรณบุรี แม่น้ำท่าจีนในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ทะลักท่วมบ้านเรือนริมแม่น้ำแล้วกว่า 500 หลังคาเรือน เนื่อง จากแม่น้ำท่าจีนสูงกว่าถนนพระพันวษาในกลางเมือง ถึง 45 ซ.ม.แล้ว เขื่อนกั้นน้ำบางจุดเริ่มทรุด และมี 2 จุดที่เป็นอันตราย คือบริเวณเขื่อนริมน้ำยังสร้างไม่เสร็จ และถนนขุนช้าง ที่นำหินคลุกไปทำแนวกั้นน้ำ เพราะคาดว่าน้ำจะเพิ่มระดับอีก 20 ซ.ม. ขณะที่ อ.บางปลาม้า น้ำทะลักถึงกลางตลาดเก้าห้อง ตลอดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี น้ำอยู่ระดับหัวเข่า ต้องระดมสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อบรรเทาปัญหาในเบื้องต้น

ด้าน จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงอีก 15 ซ.ม. จนทะลักเข้าคลองต่างๆ ที่แยกจากแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ล่าสุดลามท่วมภายในโรงเรียนเทศบาลวัดแม่นางปลื้อ ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา น้ำสูงกว่า 30 ซ.ม. ทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ต้องทำสะพานไม้ให้นักเรียนเดินขึ้นชั้นเรียนตามอาคารต่างๆ อีกทั้งห้องน้ำโรงเรียนก็ไม่สามารถใช้การได้แล้ว เหลือเพียงโรงอาหารที่น้ำยังเข้าไม่ถึง หากท่วมทางโรงเรียนจะปิดการเรียนการสอนทันที

นางพรทิพย์ แซ่โต้ว อายุ 45 ปี ชาวบ้านตลาดเก่า ต.ผักไห่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา หนึ่งในผู้ประสบภัย กล่าวว่า น้ำท่วมบ้านกว่า 2 เมตร จนอาศัยอยู่ไม่ได้ และกำลังจะท่วมถึงชั้นที่ 2 อาจต้องไปกินนอนอยู่บนหลังคา ทุกวันนี้ต้องเข็นรถกล้วยแขกลุยน้ำกว่า 1 เมตร ออกไปขายที่ตลาดใหม่ อ.ผักไห่ หากไม่ไปก็ไม่มีเงินประทังชีวิต อยากให้กรมชลประทานเร่งเปิดประตูระบายน้ำสูงขึ้นอีก 50 ซ.ม. จะช่วยผ่อนคลายความเดือดร้อนของชาวบ้านอีก 5 ตำบล ฝั่งตะวันตก อ.ผักไห่ อีกทั้งขณะนี้น้ำดื่มไม่มี น้ำที่ท่วมขังเริ่มเน่า ขยะเกลื่อน ไม่มีส้วมขับถ่าย ต้องใส่ถุงพลาสติกแล้วโยนลงน้ำ

ที่ จ.อ่างทอง สถานการณ์ยังหนัก แม่น้ำเจ้าพระยาที่หน้าที่ว่าการอำเภอป่าโมก สูงกว่าตลิ่ง 1 เมตรกว่า เจ้าหน้าที่เทศบาลนำกระสอบทรายกั้นป้องกันน้ำไหลเข้าบ้านเรือน แต่กระแสน้ำใต้ดินแรงมาก จนทะลักขึ้นเหนือดินไหลเข้าท่วมที่ว่าการอำเภอป่าโมกหลังเก่า ถนนหน้าสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และท่วมบ้านเรือนอีกหลายหลัง นอกจากนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก, ต.ศาลาแดง ต.มหาดไทย อ.เมืองอ่างทอง และ ต.ไผ่ดำพัฒนา อ.วิเศษชัย ชาญ ต่างเร่งเก็บเกี่ยวข้าวก่อนกำหนด เพื่อให้ทันก่อนที่น้ำระลอกใหม่จะมาถึง และล่าสุดมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว 5 อำเภอ คือ อ.ป่าโมก 6 ตำบล, อ.เมือง 11 ตำบล, อ.ไชโย 7 ตำบล, อ.วิเศษชัยชาญ 5 ตำบล และ อ.โพธิ์ทอง 6 ตำบล

ขณะเดียวกัน จ.สิงห์บุรี ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งให้น้ำท่วมขยายวงกว้างมากขึ้น ลามถึงเขตเทศบาลเมืองสิงห์บุรี บริเวณบ้านบางแคใน น้ำไหลข้ามถนนมาอีกฝั่งแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเสริมคันกั้นน้ำ ป้องกันไม่ให้น้ำไหลข้ามถนนใต้สะพานมาอีกฝั่งในตัวเมืองสิงห์บุรี ส่วนที่ อ.อินทร์บุรี น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นประตูระบายน้ำบางโฉมศรี หมู่ 3 ต.ชี้น้ำร้าย เข้าท่วมทุ่งนาในเขตหมู่ 5 และ 6 ต.ทองเอน กว่าหลายร้อยไร่ ชาวนาต้องเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำกันโกลาหล

ด้านกลุ่มราษฎรรักษ์ป่า ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ กลุ่มเยาวชนตะกอนยม อบต.สะเอียบ กลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำสรอย จ.แพร่ เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ คณะกรรมการชาวบ้านเพื่อฟื้นฟูชีวิต ชุมชนลุ่มน้ำมูน และเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) ออกแถลงการณ์ปกป้องป่าสักทอง เพื่อรักษาแม่น้ำยม โดยระบุว่า จากสถาน การณ์แม่น้ำยมเอ่อล้นตลิ่ง ทำให้น้ำหลากเข้าสู่พื้นที่การเกษตร และที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน จ.พิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นอีกครั้ง โดยอาศัยสถานการณ์น้ำเป็นข้ออ้าง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี ทั้งฤดูแล้ง และฤดูฝน ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง และหลายครั้งเมื่อนักการเมืองหายใจเข้าออกเป็นต้องน้ำลายหกด้วยผลประโยชน์ ของไม้สักทองจำนวนมหาศาล ที่จะถูกตัดโค่นจากพื้นที่หากสร้างเขื่อนแก่ง เสือเต้น

แถลงการณ์ระบุต่อว่า ความอุดมสมบูรณ์ของป่าสักทอง สัตว์ป่า และสัตว์น้ำ กำลังถูกคุกคามจากความพยายามผลักดันให้สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ด้วยข้ออ้างว่าจะชะลอ และแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่แม่น้ำยมตอนล่างได้ แนวคิดนี้ถูกทักท้วงและคัดค้านทั้งจากชาวบ้านในพื้นที่ นักสิ่งแวดล้อม นักวิชาการ ถึงความเป็นไปได้จริงทั้งประโยชน์และผลกระทบที่จะตามมา จนนักสร้างเขื่อนต่างถอยร่น และเสนอแผนปฏิบัติการใหม่ด้วยการสร้างเขื่อนยมบนและยมล่าง เพื่อลดกระแสการต่อต้านลง ในขณะที่ผู้ที่เสนอให้สร้างเขื่อนยมบน ยมล่าง ยังไม่รู้ว่าจะสร้างบริเวณใด ผลกระทบจะมากน้อยเพียงใด เป็นเพียงการคิดโครงการในห้องแอร์ โดยไม่รู้ข้อเท็จจริงของพื้นที่ และไม่ให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมของประชาชนทั้งในพื้น ที่และในสังคม

จาก การตรวจสอบข้อมูลของชุมชน เขื่อนยมบนและเขื่อนยมล่างจะมีลักษณะแบบขั้นบันได คือน้ำจากเขื่อนยมล่างจะท่วมถึงท้ายเขื่อนยมบน ซึ่งบริเวณอ่างเก็บน้ำของเขื่อนก็จะท่วมป่าสักทอง และพื้นที่การเกษตรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชุมชนชาวสะเอียบจะได้รับผลกระทบ ไม่ต่างอะไรกับการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ดังนั้น เขื่อนยมบนและล่างก็คือเขื่อนแก่งเสือเต้น เพียงแต่สร้างวาทกรรมใหม่ เพื่อคลายอารมณ์ของคนในสังคม พวกเรามีข้อเสนอเพื่อการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน สำหรับการบริหารจัดการลุ่มน้ำยมอย่างเป็นธรรม ดังนี้ 1.ให้อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์ ทั่วลุ่มน้ำยมทั้ง 11 จังหวัด 2.ให้จัดการลุ่มน้ำตามสภาพความต้องการของชุมชน และสอดคล้องกับความเป็นจริงในพื้นที่ โดยให้ชุมชนเป็นผู้บริหารจัดการ เช่น ทำอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กทั่วทั้งลุ่มน้ำยม ทั้ง 98 ตำบล และ 3.ให้จัดทำแก้มลิงในพื้นที่น้ำท่วม และลุ่มน้ำสาขาทั้ง 77 ลุ่มน้ำสาขาของลุ่มน้ำยม

ฝ่ายค้านดี-รัฐบาลดี


คอลัมน์ เหล็กใน


อะไรอยู่ในกรอบกติกาและมีประโยชน์ก็ต้องสนับสนุน

อย่างคณะรัฐบาลเงาของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งขึ้นมาติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลตัวจริง

นับจำนวนไล่เรียงมาตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เงาที่นั่งควบรมว.กลาโหมเงา

บวกกับรองนายกฯ เงา 4 คน รมต.สำนักนายกฯ เงา 3 คน รัฐมนตรีเงาครบทั้ง 19 กระทรวง ซึ่งมีทั้งรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยเงา

เบ็ดเสร็จรวม 29 ตำแหน่ง 35 คน


แถมครั้งนี้ยังมาแปลกเพราะมีการวางคนเป็นเลขาฯ และรองเลขาฯ ครม.เงา ยังไม่นับโฆษกและรองโฆษกรัฐบาลเงาอีกต่างหาก

เรียกว่าตั้งขึ้นมาประกบรัฐบาลจริงแบบตัวต่อตัว กระทรวงต่อกระทรวงกันเลยทีเดียว

หลังจากก่อนหน้านี้ในงานสัมมนาประชาธิปัตย์ มีผู้เสนอไอเดียให้สมาชิกพรรคที่สอบตกเลือกตั้งแต่ละพื้นที่ ทำหน้าที่เป็นส.ส.เงาด้วย

การ จัดวางทีมสแกนรัฐบาลทุกรูขุมขนนี้ สะท้อนว่าประชาธิปัตย์มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านครั้งนี้ มาก เพื่อไม่ให้เสียชื่อฝ่ายค้านมืออาชีพ

และเป็นไปได้ว่าประชา ธิปัตย์เล็งเห็นจุดอ่อนของ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ที่เริ่มมีโผล่ให้เห็นหลายจุดทั้งที่เพิ่งเข้ามาทำงานไม่ถึง 1 เดือน

ไม่ ว่าค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรีหมื่นห้าที่รายละเอียดไม่เป็นไปตามที่หาเสียง การลดราคาน้ำมันเบนซินจนกระทบต่อแก๊สโซฮอล์

การตั้งคนเสื้อแดงเข้ามา กินตำแหน่งการเมืองจำนวนมาก การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่กำลังถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีวาระการเมือง เคลือบแฝง

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังไม่เด็ดขาดฉับไวพอ

รวม ถึงประเด็นต่างๆ ที่โยงใยเข้ากับชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จริงบ้างไม่จริงบ้างแต่ก็เป็นประเด็น "เรียกแขก" ได้อย่างดี อย่างกรณีปัดฝุ่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นมาใหม่ เป็นต้น

อย่างไร ก็ตามการตั้งครม.เงาขึ้นมา สิ่งที่ประชา ชนจะได้ประโยชน์ก็คือ จะเป็นการบีบบังคับให้รัฐมนตรีแต่ละคน ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามนอกลู่นอกทาง เนื่องจากรู้ตัวว่ามีคนจ้องตรวจสอบอยู่ทุกฝีก้าว

ตามสูตรที่ว่าประเทศจะมีรัฐบาลที่ดีได้ สิ่งสำคัญคือต้องมีฝ่ายค้านที่ดีเสียก่อน

"ถวิล"ร้องกพค.-ย้ายไม่เป็นธรรม


คอลัมน์ รายงานพิเศษ


หมาย เหตุ - นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงเปิดใจที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีครม.มีมติแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ โดยระบุจะยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการพิทักษ์ระบบ คุณธรรม (ก.พ.ค.) เมื่อวันที่ 7 ก.ย.



ผมรับราชการมา 30 กว่าปี ได้รับการอบรมสั่งสอนให้ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติและผลประโยชน์ประชาชน ฉะนั้นเลขาฯสมช.ทุกท่าน และสมช.ทำงานให้กับทุกรัฐบาล

หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนถามผมว่ารู้สึกถูกรังแกหรือไม่ ถูกการเมืองแทรกแซงหรือไม่ เสียใจหรือไม่ จะฟ้องศาลปกครองหรือไม่

ผม ก็เป็นปุถุชนธรรมดา ย่อมมีความรู้สึกทั้งเสียดาย เสียใจ สงสัย และไม่เข้าใจ แต่ไม่รู้สึกเสียดายกับตำแหน่งนี้ เพราะถือว่าวันหนึ่งก็ต้องพ้นตำแหน่งไปตามหลักเกณฑ์ราชการ

แต่ความสำคัญอยู่ที่ อยู่แล้วได้ทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมืองหรือไม่

ผม กำลังปรับโครงสร้างองค์กร พัฒนา การทำงานของสำนักงานและเจ้าหน้าที่ให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น เสียดายโอกาสของผมไม่มีแล้ว แต่มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่สมช.ทุกคนจะทำงานต่อจากนี้ได้เป็นอย่างดี

เจ้า หน้าที่สมช.ทุกคนเติบโตเป็นเลขาฯสมช.ได้ เพียงแต่ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา ให้เกียรติ ให้ความหวัง เปิดโอกาสให้เขาเติบโตตามสายงานนี้ อย่าไปรังแก

สิ่งที่ผมเสียใจ คือ เลขาฯสมช. ควรเป็นตำแหน่งที่รัฐบาลใช้ประสานนโยบายงานด้านความมั่นคง ให้เกิดผลดีต่อความมั่นคงและประโยชน์ของประเทศ

ตำแหน่งนี้ควรมี เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี แต่ที่ผ่านมากลับถูกใช้เป็นที่รองรับ แก้ไขปัญหาทางการเมือง เพื่อให้มีการแต่งตั้งตัวผบ.ตร.ตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการ

ประการ ที่สอง ผมรับราชการในสมช.มา 30 กว่าปี ตั้งแต่เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ทำงานด้วยความวิริยะอุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ จนเติบโตมาถึงตำแหน่งสูงสุดขององค์กร

แต่สุดท้ายต้องพ้นตำแหน่ง หน้าที่นี้ไปด้วยเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรู้ความสามารถเลย นายกฯ ก็พูดชัดเจนว่าผมไม่มีความผิดหรือบกพร่องแต่อย่างใด

อีกประการ คือ การดำเนินการมาตั้งแต่ต้นเพื่อให้ผมพ้นตำแหน่ง จนมีมติครม.เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ออกมาในลักษณะที่ฝ่ายการเมืองบางท่าน บางส่วนมีอคติ ลุแก่อำนาจ ท่วงทำนองเป็นไปอย่างเยาะเย้ยถากถางผม

แต่นายกฯในฐานะผู้บังคับบัญชา ไม่ได้ออกมาปกป้องหรือดูแล

อีก เรื่องที่ผมสงสัย ไม่เข้าใจ คือ ฝ่ายการเมืองบางท่านพูดทำนองว่าผมทำงานกับรัฐบาลที่แล้ว ทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ทำงานในศอฉ. เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้วก็ไว้ใจไม่ได้ ความจริงควรทำหนังสือย้ายตัวเองตั้งแต่แรก

ยืนยันว่าผมไม่เคยทำงาน ให้พรรคการเมือง ไม่ว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ทำงานให้รัฐบาล ให้กับนายกฯ เพราะตำแหน่งขึ้นตรงกับนายกฯ

และที่มากกว่านั้น คือ ผมทำงานให้ชาติบ้านเมือง

กรณี ที่บอกให้ทำหนังสือย้ายตัวเองออกไปนั้น ผม เป็นข้าราชการประจำ มีระเบียบกฎหมายกำหนด ผมทำราชการเป็นอาชีพ พ้นตำแหน่งก็ต่อเมื่อเกษียณอายุราชการ 60 ปี

ผมมีที่มาที่ไป คือ สอบเข้ามาตามระบบคุณธรรม เลื่อนตำแหน่งแต่งตั้งตามระบบคุณธรรม และต้องพ้นตำแหน่งไปตามระบบราชการกำหนด ไม่มีหน้าที่ต้องขอย้ายตัวเองตามการเมือง

ท่านเข้ามาทุก 4 ปี บางท่านอยู่ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 2 ปี ถ้ายึดหลักอย่างนั้น ผมต้องย้ายตาม คงเวียนหัวแย่

ส่วนเรื่องทำงานในศอฉ.นั้น เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือที่จะเข้าไปทำ แต่เป็นไปตามหน้าที่ ตามขอบเขตกฎหมายที่กำหนด

รวม ถึงเรื่องเข้าประชุมครม. ยืนยันได้ว่าถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง พวกข้าราชการมีความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ ดังนั้นไว้ใจผมได้

ตำแหน่ง ที่ผมถูกย้ายไปนั้น เหมาะสมหรือไม่ แม้เป็นระดับ 11 เป็นตำแหน่งนักบริหารระดับสูง ได้รับเงินเดือนค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์เท่ากัน ดูเผินๆ เหมือนว่าผมไม่ได้เสียหาย

แต่ถ้าดูที่มาของการย้าย ถามว่าถูกต้องตามระบบคุณธรรมหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) พิจารณา

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เคยเอ่ยว่าจะย้ายออกจากตำแหน่งผบ.ตร. ก็ต่อเมื่อได้ตำแหน่งที่เหมาะสม สมศักดิ์ศรี

เข้า ใจว่าตำแหน่งที่ถูกเสนอไปให้ท่าน คือ ตำแหน่งที่ผมถูกย้ายไปลงนั่นเอง และท่านไม่รับ มารับตำแหน่งเลขาฯสมช.เพราะสมศักดิ์ศรี แต่ตำแหน่งนั้นไม่สมศักดิ์ศรี

เมื่อพล.ต.อ.วิเชียรพิจารณาอย่างนั้นแล้ว ผมจะพิจารณาได้อย่างไรว่าเหมาะสมกับผม

ที่ ผมบอกว่าตำแหน่งผมจะต้องย้ายไปเทียบเท่าปลัดกระทรวงนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะย้ายไปปลัดกระทรวงอื่นๆ ผมมีความเป็นสุภาพบุรุษพอว่า ถ้าเรื่องจะจบ ต้องจบที่ผม ไม่ไปแย่งหรือเบียดตำแหน่งต่างๆ ที่อื่นเป็นอันขาด

ผมทำงานด้านความมั่นคงมาชั่วชีวิตราชการ ไปทำงานที่อื่นได้อย่างไร ถ้าให้ไปกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ก็ต้องไปโกงภาษีอากรแน่นอน เพราะไม่ได้ศึกษามาทางด้านนั้น

พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 กำหนด ให้มี ก.พ.ค. เปิดโอกาสให้ข้าราชการที่ไม่ได้รับความเป็น ธรรม ไปร้องขอความเป็นธรรมจากก.พ.ค. ที่เป็นกรรมการอิสระได้

ท่านที่รังแกผมก็ต้องต่อสู้กับความเที่ยงแท้แน่นอนของกฎแห่งกรรมและกฎธรรมชาติ

ระบบ ราชการเรามีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรี ถูกออกแบบ มาให้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ฉะนั้นกรุณาใช้ระบบคุณธรรม ใช้เหตุและผล อย่าใช้อคติ ความรัก ความชังเข้ามาทำให้ตรงนี้เกิดการไขว้เขวไป

เพราะจะกระทบต่อขวัญและกำลังใจของข้าราชการทั่วประเทศ

ข้า ราชการระดับปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่าระดับ 11 นั้นจะมี ว.15 ออกมา ซึ่งครม.มีเหตุผลให้ชะลอไปก่อน เนื่องจากมีกลไกคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ มาทำหน้าที่คณะกรรมการกลั่นกรอง

แต่ผมอยากให้รีบนำ ว.15 มาใช้ จึงขอร้องไปยังเลขา ธิการก.พ. จะเกิดประโยชน์กับข้าราชการประจำเป็นอย่างมาก

ว.15 คือ หลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า จะมีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาและส่งชื่อให้รัฐมนตรี โดยรัฐมนตรีจะพิจารณาต่างจากตรงนั้นไม่ได้

เป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่จะสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น

-ตำแหน่งเลขาฯสมช.เคยมีตำรวจหรือไม่

ที่ผ่านมาไม่เคยมี ส่วนพล.ต.อ.วิเชียรจะเป็นได้หรือไม่ ไม่ทราบ

กรณี ที่ผมออกมาเรียกร้อง ไม่ได้ต้องการเป็นไอดอลให้กับข้าราชการคนใด ไม่ต้องการเป็นแบบอย่างให้เกิดการต่อสู้ของข้าราชการประจำ เพียงแต่คิดจะรักษาเกียรติของตัวเองและข้าราชการให้ดีที่สุด

แต่ถ้า จะมีอานิสงส์ไปถึงเพื่อนข้าราชการคนอื่นก็เป็นเรื่องดี มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม ผมไปร้องก.พ.ค.ก็ไม่จำเป็นต้องชนะ เพียงแต่ได้ต่อสู้เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม ผลเป็นอย่างไรก็น้อมรับ

-พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ทำความเข้าใจมั้ย

เกรงใจท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่ผ่านมาผมพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่พูดอะไรตอบโต้เพราะให้เกียรติท่านที่กำกับ สั่ง และปฏิบัติราชการแทนนายกฯ

ท่าน มาพูดเรื่องต่างๆ กับผม โดยไม่ได้บังคับอะไร บอกว่าเป็นสิทธิส่วนตัว กราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูง สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้กระทบต่อเกียรติของท่าน

-รัฐบาลนี้ไม่พอใจการทำงานที่มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ

ไม่ ทราบ แต่พวกเราไม่มีความสุขที่คนไทยต้องมาตายและบาดเจ็บ เราก็เสียใจ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนั้น โดยพินิจพิจารณาใคร่ครวญเป็นอย่างดี

ไม่มีความปรารถนาใดๆ ที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อประชาชน ขณะนี้กระบวนการยุติธรรมก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของรัฐบาลอยู่ แล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วง

กรณีร้องเรียนก.พ.ค.นั้น ผมคงร้องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติงานของนายกฯ และ ครม.

"เติ้ง"อำ"มาร์ค" ไม่ยอมไปบึงฉวาก

"เติ้ง"อำ"มาร์ค" ไม่ยอมไปบึงฉวาก

คอลัมน์ ลับพอสมควร
กนกลักษณ์ ธนรักษ์กิตติโชติ รายงาน


เสธ.หนั่น เปิดบ้านสนาม บินน้ำ ฉลองครบรอบ 76 ปี ชื่นมื่น

ยืนเคียงคู่ เจ๊หวี-ฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ ภรรยา ต้อนรับแขกเหรื่ออยู่ตรงหน้าประตูบ้าน

คนดังจากหลากหลายวงการทั้ง ข้าราชการ คนใกล้ชิด นัก การเมือง หอบกระเช้าของขวัญทยอยเข้าอวยพรไม่ขาด

รวมทั้งอดีตนายกฯ ต่างวัย "มาร์ค"อภิ สิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ "บิ๊กเติ้ง"บรรหาร ศิลปอาชา ที่เพิ่งมีข่าวตุ๊บป่องกันเมื่อไม่นานมานี้

เกือบ 3 โมงเช้า หัวหน้ามาร์ค ก็มาถึงงานพร้อม เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย ศรีอ่อน แม่บ้านปชป.

มอบกระเช้าอวยพร โอบกอดกันตามธรรมเนียมเสร็จสรรพก็ตรงเข้าห้องรับรอง ตามคำเชื้อเชิญของเจ้าภาพ

ไม่ถึง 5 นาที บิ๊กเติ้ง ก็ตามติดมาพร้อมกระเช้าดอกไม้ อวยพรกันไม่กี่คำก่อนปรี่ไปที่ห้องรับรองเช่นกัน

ปะหน้า หนุ่มมาร์ค กล่าวทักทายกันเสร็จ บิ๊กเติ้ง งัดมุขอำทันที

"ท่านอดีตนายกฯไม่รักผมแล้ว"

หนุ่มมาร์ค ตั้งตัวไม่ทัน ได้แต่อุทาน

"โธ่..ท่าน"

บิ๊กเติ้ง แย็บต่อ

"ชวนไปบึงฉวาก ก็ไม่ไป"

"ไม่หรอกท่าน" หนุ่มมาร์ค ออกตัว

อำเสร็จ บิ๊กเติ้งเปลี่ยนมาเล่นมุขปลอบใจ

"กายห่าง ใจอย่าห่างนะท่าน อนาคตยังอีกไกล เอาใจช่วย"

ไปเที่ยวบึงฉวากให้ได้เนี่ยนะ (อิอิ)

ธีระชัยฉะแบงก์เฉพาะกิจปล่อยกู้มั่ว เสี่ยงเกิดหนี้เสีย-เตรียมผุดกฎเหล็กล้อมคอก




นาย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง เปิดเผยว่า ไม่เกินปลายปีนี้จะออกนโยบายกระทรวงการคลัง เพื่อให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐปฏิบัติตาม เพราะจากผลการศึกษาของธนาคารโลกที่รัฐบาลชุดที่แล้วให้ดำเนินการ พบว่ามีธนาคารเฉพาะกิจของรัฐหลายแห่งที่ทำธุรกิจเกินกว่าวัตถุประสงค์เดิม ที่ตั้งไว้ และหลายแห่งเข้ามาทำธุรกิจคล้ายกับธนาคารพาณิชย์ อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ไปแก้ไขกฎหมายในการปล่อยสินเชื่อ จนสามารถปล่อยกู้ให้กับธุรกิจอาหารถึง 300 ล้านบาท ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ว่าจะดูแลเกษตรกร ส่วนธนาคารออมสินมีวัตถุประสงค์การดำเนินการเพื่อลูกค้ารายย่อย แต่ตอนนี้ได้เน้นการดำเนินธุรกิจกับลูกค้าที่เป็นนิติบุคคล

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวถือว่าเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เสีย และจะเป็นภาระของรัฐในการตั้งงบประมาณมาดูแล ซึ่งทางธนาคารโลกได้แนะนำว่าธนาคารเฉพาะกิจของรัฐไม่ควรมาทำธุรกิจแข่งกับ ธนาคารพาณิชย์ และควรบีบให้ธนาคารเหล่านี้เข้าสู่เป้าหมายหลักของธนาคาร หากเกิดการขาดทุนจากการดำเนินตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ให้รัฐบาลตั้งงบ ประมาณมาชดเชย ดีกว่าไปหมกไว้และมาเป็นภาระของรัฐภายหลัง

นายธีระชัย กล่าวว่า เตรียมจะหารือกับธนาคารโลกอีกครั้งเพื่อออกเป็นแผนปฏิบัติการให้ธนาคารเฉพาะ กิจของรัฐดำเนินการ โดยจะมีการจัดระเบียบให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเข้มแข็งและน่าเชื่อถือขึ้น แม้ว่าธนาคารเฉพาะกิจของรัฐจะมีพ.ร.บ.ของตัวเองแล้ว แต่ต้องปฏิบัติตามนโยบายที่กระทรวงการคลังจะออกมา หากไม่ทำตามจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารของธนาคารเป็นชุดใหม่แทน

"ที่ ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยเป็นห่วงในเรื่องนี้ แต่ไม่มีอำนาจไปสั่งการได้ ขอให้กระทรวงการคลังช่วยเตือน แต่เมื่อเตือนไปมักจะมีข้อถกเถียงตามมาเสมอ บางครั้งแนวนโยบายของกระทรวงการคลังไม่ชัด อาทิ ต้องการให้มีกำไรเพื่อส่งเงินเข้ารัฐเพิ่มขึ้น จึงทำให้ต้องดิ้นไปทำธุรกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้น" นายธีระชัยกล่าว

ดัง นั้น ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐต้องเบรกการปล่อยสินเชื่อรายใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ วัตถุประสงค์ของธนาคารลง ส่วนรายที่ปล่อยไปแล้วไม่เป็นไร นอกจากนี้ ต้องจัดทำมาตรฐานบัญชีที่เป็นสากล มีการกันสำรองในสินทรัพย์ที่มีปัญหาอย่างครบถ้วน จ้างผู้ตรวจสอบบัญชีจากภายนอกที่อยู่ในการกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลัก ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการจัดทำงบการเงินที่เป็นมาตรฐานสากล และต้องเปิดเผยงบการเงินต่อสาธารณะ พร้อมกันนี้ต้องจ้างบริษัทในการจัดอันดับเรตติ้งขององค์กร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อกระทรวงการคลังในการกำกับดูแล

นายธีระชัยกล่าว ด้วยว่า เตรียมนำเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนสาธารณูปโภค (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

บันทึกเด็กญี่ปุ่นเช็ดน้ำตา ครบ6เดือนสึนามิ





บันทึกเด็ก - เด็กผู้ประสบภัยสึนามิคุยกับเคน โมริ นักข่าวผู้เก็บบันทึกจากเด็กจัดทำเป็นหนังสือชื่อ "สึนามิ" เขียนด้วยภาษาง่ายๆ แต่กินใจ เป็นหนังสือขายดีจนพิมพ์เพิ่มเป็นครั้งที่ 3 แล้วในวาระครบ 6 เดือนมหันตภัยสึนามิ (ภาพเล็ก) ที่จะมาถึงวันที่ 11 ก.ย. (เอเอฟพี)
(d)เมื่อ 7 ก.ย. เอ็นเอชเครายงานว่า สถานีเตรียมแพร่ภาพรายการพิเศษวาระครบรอบ 6 เดือนแผ่นดินไหว และสึนามิถล่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น รายการจะนำเสนอสภาพชีวิตที่เปลี่ยน แปลงตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา การคุกคามของสึนามิในมุมต่างๆ มีกำหนดแพร่ภาพทั่วประเทศในวันที่ 10-11 ก.ย.นี้ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 10 ปีเหตุการณ์วินาศกรรมสหรัฐ 11 กันยาฯ พอดี

ด้าน เอเอฟพีรายงานว่า สำนักพิมพ์ญี่ปุ่นจัดพิมพ์หนังสือ "สึนามิ" บันทึกเรื่องราวสึนามิ จากเรียงความของนักเรียนในพื้นที่ประสบภัย สะท้อนให้เห็นความกลัวของภัยธรรมชาติ และเรื่องราวสะเทือนใจในการสูญเสียคนในครอบครัว หนังสือตีพิมพ์ครั้งที่ 3 แล้วนับจากเดือนมิ.ย. มียอดขาย 140,000 เล่ม สร้างความประทับใจให้ผู้อ่านด้วยภาษาง่ายๆ แบบเด็ก มีเนื้อหากินใจ

เคน โมริ นักข่าววัย 43 ปี บรรณาธิการหนังสือเล่มนี้ กล่าวว่า ต้องการให้เรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติครั้งนี้ผ่านมุมมองของคนที่จะไปเป็น อนาคตของญี่ปุ่น ผู้อ่านมองเห็นความหวังในตัวเด็กเหล่านี้ เพราะมีหลายคนที่จบเรียงความด้วยการเช็ดน้ำตาและพร้อมจะยิ้มในวันใหม่

จิ โยะ ยาฮาตะ วัย 11 ขวบ ในเมืองโอสึจิ เขียนว่า "ฉันไม่เคยคุยกับพ่อถึงความรู้สึกที่สูญเสียแม่ และตอนนี้ฉันจะเช็ดน้ำตา อำลาการร้องไห้เงียบๆ นี้ ฉันจะอยู่ด้วยความเชื่อว่ายังมีพรุ่งนี้อยู่เพื่อใบหน้าที่มีรอยยิ้ม" ด้านยูอิ มุโตะ อายุ 11 ขวบ เขียนว่า "มันเริ่มขึ้นด้วยเสียงพื้นดินร้องดังลั่น ตอนนั้นคิดว่าโลกจบสิ้นแล้ว" ส่วนฮารุนะ ซาโตะ วัย 7 ขวบ เขียนอำลาถึงเพื่อนที่จากไปและคนอื่นๆ ที่พลัดพรากจากครอบครัว เด็กหญิงบรรยายความรู้สึกว่า "สึนามิช่างสวาปามเหลือเกิน"

วันเดียวกัน ทางการสเปนประกาศมอบรางวัลอัสตูเรียส คอนคอร์ด ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติของประเทศ ให้กับเหล่าทีมกู้ภัยชาวญี่ปุ่นที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปแก้ไขวิกฤตการณ์ นิวเคลียร์รั่วไหลในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ อันเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวและสึนามิ โดยไม่เกรงกลัวความตาย

สลดแฟนบอลเวลส์โดนฆ่าตาย "คาเปลโล่"รับโชคดีชนะ




ประตูชัย - แอ ชลีย์ ยัง มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ พังประตูชัยให้อังกฤษเฉือนชนะเวลส์ ศึกฟุตบอลยูโร 2012 รอบคัดเลือก กลุ่มจี ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อวันอังคารที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้อังกฤษนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม
ฟา บิโอ คาเปลโล่ กุนซือทีมชาติอังกฤษยอมรับว่าพลพรรค "สิงโตคำราม" โชคดีที่คว้าชัยเหนือเวลส์ 1-0 ในศึกยูโร 2012 รอบคัดเลือก กลุ่มจี ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อคืนวันอังคารที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมเตือนต้องปรับปรุงฟอร์มการเล่นหากหวังจะก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์

อังกฤษ ได้ประตูชัยจากแอชลีย์ ยัง ปีกตัวจี๊ดค่ายแมนฯ ยู ในนาทีที่ 35 มีเพิ่มเป็น 17 คะแนน นำหน้ามอนเตเนโกร ทีมอันดับสองที่แข่งน้อยกว่า 1 นัด 6 แต้ม ต้องการอีกเพียงแต้มเดียวในนัดสุดท้ายที่จะออกไปเยือนมอนเตเนโกรในวันที่ 7 ต.ค.นี้ ก็จะคว้าแชมป์กลุ่ม และผ่านเข้ารอบสุดท้ายศึกยูโร 2012 ที่โปแลนด์และยูเครน รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพร่วมกลางปีหน้า

อย่าง ไรก็ตาม คาเปลโล่ค่อนข้างกังวลเมื่อเห็นฟอร์มการเล่นของลูกทีมในเกมนี้ หลังเกือบโดนตีเสมอจากลูกยิงจ่อๆ ของโรเบิร์ต เอิร์นชอว์ ผู้เล่นตัวสำรองของเวลส์ในช่วง 14 นาทีสุดท้าย แต่ขณะเดียวกันก็อ้างว่าการเล่นที่สนามเวมบลีย์ทำให้นักเตะกดดัน จึงทำผลงานไม่น่าประทับใจ

"เราโชคดี ในจังหวะนั้นที่ทำผิดพลาดอย่างมหันต์หน้าปากประตู และการไม่โดนตีเสมอถือเป็นเรื่องของโชค แต่เราเล่นไม่ดีเลยในช่วง 15 นาทีสุดท้าย และลำบากมาก คุมเกมไม่ได้ แถมผ่านบอลก็ไม่ได้เรื่อง เกมโต้กลับก็ไม่เร็วพอ ดังนั้น ต้องปรับปรุง พวกเราจะเล่นดีแค่ 20 นาทีไม่ได้ ต้องทำได้ดีตลอดทั้งเกม ผมคิดว่าเราสูญเสียความมั่นใจที่เวมบลีย์ นักเตะเล่นได้ไม่ดีเหมือนที่เคยทำได้ อย่างไรก็ตาม ผมพอใจกับผลการแข่งขัน ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุด" กุนซือชาวอิตาเลียนกล่าว และชมแอชลีย์ ยังเป็น ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม และมีความสำคัญต่อทีม การเคลื่อนไหวในสนามทำได้ดีทั้งจังหวะที่มีบอลและไม่มีบอล

เมื่อผู้ สื่อข่าวถามถึงฟอร์มของแฟรงก์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์วัย 33 ปีจากเชลซีที่ได้รับโอกาสกลับมาลงสนามเป็นตัวจริง คาเปลโล่ตอบเลี่ยงๆ ไปว่า "นักเตะทั้งทีมเล่นในระดับเดียวกัน บางช่วงก็ดี บางช่วงก็ไม่ดี เขาได้ลงเป็น 11 คนแรก เพราะเป็นจังหวะที่ดีในการตัดสินทีมชุดนี้"

ด้าน แกรี่ สปีด ผู้จัดการทีมชาติเวลส์ กล่าวว่า เราคู่ควรกับผลเสมอ นักเตะเล่นได้ตามแผน แต่โชคร้ายที่ไม่สามารถคว้าผลการแข่งขันตามที่ต้องการได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ตนภูมิใจกับลูกทีมทุกคน ส่วนเอิร์นชอว์สุดเศร้าพลาดโอกาสทองลูกยิงระยะ 5 หลา ข้ามคานออกไปอย่างเหลือเชื่อ

ขณะเดียวกัน มีรายงานเพิ่มเติมว่า มีแฟนบอลทีมเวลส์เสียชีวิตก่อนเกมดังกล่าว โดยโฆษกหน่วยรถพยาบาลลอนดอนเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายบริเวณนอกสนามเวมบลีย์ เจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุและพยายามช่วยเหลือชายวัย 44 ปีที่มีบาดแผลบนศีรษะ และหัวใจหยุดเต้นแล้ว จากนั้นเร่งนำส่งโรงพยาบาล แต่ชายคนดังกล่าวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ ตำรวจนครบาลลอนดอนได้จับกุมชาย 6 คนซึ่งต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการตายครั้งนี้ โดยทั้งหมดเป็นแฟนบอลทีมเวลส์ และกำลังดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนสโมสรคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ออกมายืนยันชายที่เสียชีวิตเป็นแฟนบอลของสโมสร ขณะที่เหล่าแฟนบอลต่างโพสต์ไว้อาลัยแฟนบอลคนดังกล่าวในเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์

'แบงค์'เลิฟซีน'พิ้งกี้'-โล่ง'เบลล์'ไม่หึง





โล่ง เมื่อแฟนสาว 'เบลล์-มนัญญา' ไม่หึงที่หนุ่ม 'แบงค์'อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม ปลื้มนางเอก 'พิ้งกี้-สาวิกา' ที่เล่นละคร "ทองประกายแสด" ด้วยกัน

โดย 'แบงค์' กล่าวว่า "ดีแล้วครับ ถ้าเขาบอกว่าหึงผมคงกลัวขึ้นมาเหมือนกัน จะยิ่งเกร็งไปกันใหญ่ เดี๋ยวพอไปร่วมงานกันแล้วก็กลัวว่าคนของเราจะหึง แต่พอเบลล์บอกไม่หึง ทำให้ผมสบายใจในการทำงานมากขึ้น"

เกร็งไหมหลัง ออกตัวว่าปลื้มพิ้งกี้ แล้วเดี๋ยวต้องมาเล่นด้วยกัน "ค่อนข้างเกร็งเหมือนกันเพราะบทโหดร้ายรุนแรง มีฉากเลิฟซีนเยอะอยู่ ผมก็พยายาม เต็มที่ ช่วงแรกอาจจะต้องพูดคุยกับเขามากขึ้นเพื่อให้เกิดความสนิทสนม"

ถ้ามี ถ่ายฉากเลิฟซีนจะชวนเบลล์เข้ากองเลยไหม เพื่อความสบายใจ "ถ้าเขาไปผมคงใจไม่ค่อยดี คงเล่นลำบาก เหมือนเวลาเล่นแล้วมีคนซึ่งไม่ใช่ผู้กำกับฯ คอยมองตลอดเวลา(หัวเราะ)"
 
© Copyright 2010-2011 THAI NEWS All Rights Reserved.
Template Design by Herdiansyah Hamzah | Published by Borneo Templates | Powered by Blogger.com.