"ถวิล"ร้องกพค.-ย้ายไม่เป็นธรรม

Thursday, September 8, 2011


คอลัมน์ รายงานพิเศษ


หมาย เหตุ - นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงเปิดใจที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีครม.มีมติแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ โดยระบุจะยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการพิทักษ์ระบบ คุณธรรม (ก.พ.ค.) เมื่อวันที่ 7 ก.ย.



ผมรับราชการมา 30 กว่าปี ได้รับการอบรมสั่งสอนให้ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติและผลประโยชน์ประชาชน ฉะนั้นเลขาฯสมช.ทุกท่าน และสมช.ทำงานให้กับทุกรัฐบาล

หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนถามผมว่ารู้สึกถูกรังแกหรือไม่ ถูกการเมืองแทรกแซงหรือไม่ เสียใจหรือไม่ จะฟ้องศาลปกครองหรือไม่

ผม ก็เป็นปุถุชนธรรมดา ย่อมมีความรู้สึกทั้งเสียดาย เสียใจ สงสัย และไม่เข้าใจ แต่ไม่รู้สึกเสียดายกับตำแหน่งนี้ เพราะถือว่าวันหนึ่งก็ต้องพ้นตำแหน่งไปตามหลักเกณฑ์ราชการ

แต่ความสำคัญอยู่ที่ อยู่แล้วได้ทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมืองหรือไม่

ผม กำลังปรับโครงสร้างองค์กร พัฒนา การทำงานของสำนักงานและเจ้าหน้าที่ให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น เสียดายโอกาสของผมไม่มีแล้ว แต่มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่สมช.ทุกคนจะทำงานต่อจากนี้ได้เป็นอย่างดี

เจ้า หน้าที่สมช.ทุกคนเติบโตเป็นเลขาฯสมช.ได้ เพียงแต่ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา ให้เกียรติ ให้ความหวัง เปิดโอกาสให้เขาเติบโตตามสายงานนี้ อย่าไปรังแก

สิ่งที่ผมเสียใจ คือ เลขาฯสมช. ควรเป็นตำแหน่งที่รัฐบาลใช้ประสานนโยบายงานด้านความมั่นคง ให้เกิดผลดีต่อความมั่นคงและประโยชน์ของประเทศ

ตำแหน่งนี้ควรมี เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี แต่ที่ผ่านมากลับถูกใช้เป็นที่รองรับ แก้ไขปัญหาทางการเมือง เพื่อให้มีการแต่งตั้งตัวผบ.ตร.ตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการ

ประการ ที่สอง ผมรับราชการในสมช.มา 30 กว่าปี ตั้งแต่เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ทำงานด้วยความวิริยะอุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ จนเติบโตมาถึงตำแหน่งสูงสุดขององค์กร

แต่สุดท้ายต้องพ้นตำแหน่ง หน้าที่นี้ไปด้วยเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรู้ความสามารถเลย นายกฯ ก็พูดชัดเจนว่าผมไม่มีความผิดหรือบกพร่องแต่อย่างใด

อีกประการ คือ การดำเนินการมาตั้งแต่ต้นเพื่อให้ผมพ้นตำแหน่ง จนมีมติครม.เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ออกมาในลักษณะที่ฝ่ายการเมืองบางท่าน บางส่วนมีอคติ ลุแก่อำนาจ ท่วงทำนองเป็นไปอย่างเยาะเย้ยถากถางผม

แต่นายกฯในฐานะผู้บังคับบัญชา ไม่ได้ออกมาปกป้องหรือดูแล

อีก เรื่องที่ผมสงสัย ไม่เข้าใจ คือ ฝ่ายการเมืองบางท่านพูดทำนองว่าผมทำงานกับรัฐบาลที่แล้ว ทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ทำงานในศอฉ. เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้วก็ไว้ใจไม่ได้ ความจริงควรทำหนังสือย้ายตัวเองตั้งแต่แรก

ยืนยันว่าผมไม่เคยทำงาน ให้พรรคการเมือง ไม่ว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ทำงานให้รัฐบาล ให้กับนายกฯ เพราะตำแหน่งขึ้นตรงกับนายกฯ

และที่มากกว่านั้น คือ ผมทำงานให้ชาติบ้านเมือง

กรณี ที่บอกให้ทำหนังสือย้ายตัวเองออกไปนั้น ผม เป็นข้าราชการประจำ มีระเบียบกฎหมายกำหนด ผมทำราชการเป็นอาชีพ พ้นตำแหน่งก็ต่อเมื่อเกษียณอายุราชการ 60 ปี

ผมมีที่มาที่ไป คือ สอบเข้ามาตามระบบคุณธรรม เลื่อนตำแหน่งแต่งตั้งตามระบบคุณธรรม และต้องพ้นตำแหน่งไปตามระบบราชการกำหนด ไม่มีหน้าที่ต้องขอย้ายตัวเองตามการเมือง

ท่านเข้ามาทุก 4 ปี บางท่านอยู่ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 2 ปี ถ้ายึดหลักอย่างนั้น ผมต้องย้ายตาม คงเวียนหัวแย่

ส่วนเรื่องทำงานในศอฉ.นั้น เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือที่จะเข้าไปทำ แต่เป็นไปตามหน้าที่ ตามขอบเขตกฎหมายที่กำหนด

รวม ถึงเรื่องเข้าประชุมครม. ยืนยันได้ว่าถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง พวกข้าราชการมีความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ ดังนั้นไว้ใจผมได้

ตำแหน่ง ที่ผมถูกย้ายไปนั้น เหมาะสมหรือไม่ แม้เป็นระดับ 11 เป็นตำแหน่งนักบริหารระดับสูง ได้รับเงินเดือนค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์เท่ากัน ดูเผินๆ เหมือนว่าผมไม่ได้เสียหาย

แต่ถ้าดูที่มาของการย้าย ถามว่าถูกต้องตามระบบคุณธรรมหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) พิจารณา

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เคยเอ่ยว่าจะย้ายออกจากตำแหน่งผบ.ตร. ก็ต่อเมื่อได้ตำแหน่งที่เหมาะสม สมศักดิ์ศรี

เข้า ใจว่าตำแหน่งที่ถูกเสนอไปให้ท่าน คือ ตำแหน่งที่ผมถูกย้ายไปลงนั่นเอง และท่านไม่รับ มารับตำแหน่งเลขาฯสมช.เพราะสมศักดิ์ศรี แต่ตำแหน่งนั้นไม่สมศักดิ์ศรี

เมื่อพล.ต.อ.วิเชียรพิจารณาอย่างนั้นแล้ว ผมจะพิจารณาได้อย่างไรว่าเหมาะสมกับผม

ที่ ผมบอกว่าตำแหน่งผมจะต้องย้ายไปเทียบเท่าปลัดกระทรวงนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะย้ายไปปลัดกระทรวงอื่นๆ ผมมีความเป็นสุภาพบุรุษพอว่า ถ้าเรื่องจะจบ ต้องจบที่ผม ไม่ไปแย่งหรือเบียดตำแหน่งต่างๆ ที่อื่นเป็นอันขาด

ผมทำงานด้านความมั่นคงมาชั่วชีวิตราชการ ไปทำงานที่อื่นได้อย่างไร ถ้าให้ไปกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ก็ต้องไปโกงภาษีอากรแน่นอน เพราะไม่ได้ศึกษามาทางด้านนั้น

พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 กำหนด ให้มี ก.พ.ค. เปิดโอกาสให้ข้าราชการที่ไม่ได้รับความเป็น ธรรม ไปร้องขอความเป็นธรรมจากก.พ.ค. ที่เป็นกรรมการอิสระได้

ท่านที่รังแกผมก็ต้องต่อสู้กับความเที่ยงแท้แน่นอนของกฎแห่งกรรมและกฎธรรมชาติ

ระบบ ราชการเรามีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรี ถูกออกแบบ มาให้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ฉะนั้นกรุณาใช้ระบบคุณธรรม ใช้เหตุและผล อย่าใช้อคติ ความรัก ความชังเข้ามาทำให้ตรงนี้เกิดการไขว้เขวไป

เพราะจะกระทบต่อขวัญและกำลังใจของข้าราชการทั่วประเทศ

ข้า ราชการระดับปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่าระดับ 11 นั้นจะมี ว.15 ออกมา ซึ่งครม.มีเหตุผลให้ชะลอไปก่อน เนื่องจากมีกลไกคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ มาทำหน้าที่คณะกรรมการกลั่นกรอง

แต่ผมอยากให้รีบนำ ว.15 มาใช้ จึงขอร้องไปยังเลขา ธิการก.พ. จะเกิดประโยชน์กับข้าราชการประจำเป็นอย่างมาก

ว.15 คือ หลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า จะมีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาและส่งชื่อให้รัฐมนตรี โดยรัฐมนตรีจะพิจารณาต่างจากตรงนั้นไม่ได้

เป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่จะสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น

-ตำแหน่งเลขาฯสมช.เคยมีตำรวจหรือไม่

ที่ผ่านมาไม่เคยมี ส่วนพล.ต.อ.วิเชียรจะเป็นได้หรือไม่ ไม่ทราบ

กรณี ที่ผมออกมาเรียกร้อง ไม่ได้ต้องการเป็นไอดอลให้กับข้าราชการคนใด ไม่ต้องการเป็นแบบอย่างให้เกิดการต่อสู้ของข้าราชการประจำ เพียงแต่คิดจะรักษาเกียรติของตัวเองและข้าราชการให้ดีที่สุด

แต่ถ้า จะมีอานิสงส์ไปถึงเพื่อนข้าราชการคนอื่นก็เป็นเรื่องดี มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม ผมไปร้องก.พ.ค.ก็ไม่จำเป็นต้องชนะ เพียงแต่ได้ต่อสู้เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม ผลเป็นอย่างไรก็น้อมรับ

-พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ทำความเข้าใจมั้ย

เกรงใจท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่ผ่านมาผมพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่พูดอะไรตอบโต้เพราะให้เกียรติท่านที่กำกับ สั่ง และปฏิบัติราชการแทนนายกฯ

ท่าน มาพูดเรื่องต่างๆ กับผม โดยไม่ได้บังคับอะไร บอกว่าเป็นสิทธิส่วนตัว กราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูง สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้กระทบต่อเกียรติของท่าน

-รัฐบาลนี้ไม่พอใจการทำงานที่มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ

ไม่ ทราบ แต่พวกเราไม่มีความสุขที่คนไทยต้องมาตายและบาดเจ็บ เราก็เสียใจ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนั้น โดยพินิจพิจารณาใคร่ครวญเป็นอย่างดี

ไม่มีความปรารถนาใดๆ ที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อประชาชน ขณะนี้กระบวนการยุติธรรมก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของรัฐบาลอยู่ แล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วง

กรณีร้องเรียนก.พ.ค.นั้น ผมคงร้องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติงานของนายกฯ และ ครม.
Share this article on :

0 comments:

Post a Comment

 
© Copyright 2010-2011 THAI NEWS All Rights Reserved.
Template Design by Herdiansyah Hamzah | Published by Borneo Templates | Powered by Blogger.com.