ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวถือว่าเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เสีย และจะเป็นภาระของรัฐในการตั้งงบประมาณมาดูแล ซึ่งทางธนาคารโลกได้แนะนำว่าธนาคารเฉพาะกิจของรัฐไม่ควรมาทำธุรกิจแข่งกับ ธนาคารพาณิชย์ และควรบีบให้ธนาคารเหล่านี้เข้าสู่เป้าหมายหลักของธนาคาร หากเกิดการขาดทุนจากการดำเนินตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ให้รัฐบาลตั้งงบ ประมาณมาชดเชย ดีกว่าไปหมกไว้และมาเป็นภาระของรัฐภายหลัง
นายธีระชัย กล่าวว่า เตรียมจะหารือกับธนาคารโลกอีกครั้งเพื่อออกเป็นแผนปฏิบัติการให้ธนาคารเฉพาะ กิจของรัฐดำเนินการ โดยจะมีการจัดระเบียบให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเข้มแข็งและน่าเชื่อถือขึ้น แม้ว่าธนาคารเฉพาะกิจของรัฐจะมีพ.ร.บ.ของตัวเองแล้ว แต่ต้องปฏิบัติตามนโยบายที่กระทรวงการคลังจะออกมา หากไม่ทำตามจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารของธนาคารเป็นชุดใหม่แทน
"ที่ ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยเป็นห่วงในเรื่องนี้ แต่ไม่มีอำนาจไปสั่งการได้ ขอให้กระทรวงการคลังช่วยเตือน แต่เมื่อเตือนไปมักจะมีข้อถกเถียงตามมาเสมอ บางครั้งแนวนโยบายของกระทรวงการคลังไม่ชัด อาทิ ต้องการให้มีกำไรเพื่อส่งเงินเข้ารัฐเพิ่มขึ้น จึงทำให้ต้องดิ้นไปทำธุรกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้น" นายธีระชัยกล่าว
ดัง นั้น ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐต้องเบรกการปล่อยสินเชื่อรายใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ วัตถุประสงค์ของธนาคารลง ส่วนรายที่ปล่อยไปแล้วไม่เป็นไร นอกจากนี้ ต้องจัดทำมาตรฐานบัญชีที่เป็นสากล มีการกันสำรองในสินทรัพย์ที่มีปัญหาอย่างครบถ้วน จ้างผู้ตรวจสอบบัญชีจากภายนอกที่อยู่ในการกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลัก ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการจัดทำงบการเงินที่เป็นมาตรฐานสากล และต้องเปิดเผยงบการเงินต่อสาธารณะ พร้อมกันนี้ต้องจ้างบริษัทในการจัดอันดับเรตติ้งขององค์กร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อกระทรวงการคลังในการกำกับดูแล
นายธีระชัยกล่าว ด้วยว่า เตรียมนำเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนสาธารณูปโภค (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
0 comments:
Post a Comment